บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สานต่อปีแห่งความสำเร็จ นำทัพยานยนต์ใหม่สุดตระการตา เติมความหลากหลายที่ตอบโจทย์นักขับทั่วไทย

• เผยโฉมยนตรกรรมใหม่สุดหรู บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive30d M Sport รุ่นประกอบ
ในประเทศ พร้อมเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 3 Gran Sedan รุ่นฐานล้อยาวเป็นครั้งแรก
ในประเทศไทยด้วยบีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport
• สร้างนิยามใหม่ในเซกเมนต์พรีเมียมคอมแพ็คกับมินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน เอนทรี ใหม่ และมินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม ใหม่ พร้อมส่งมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GP Inspired Edition ใหม่ เสริมความสปอร์ตเร้าใจเทียบชั้นรถแข่ง
• บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู R18 Classic First Edition รุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูลทัวริ่งครูสเซอร์สานต่อตำนานสุดคลาสสิกสำหรับไบค์เกอร์ตัวจริง
• บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดการส่งออกสูงที่สุดสำหรับทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู รวม 23,143 คัน เพิ่มขึ้นถึง 24%


บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ต่อยอดความสำเร็จหลังคว้าตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดยานยนต์พรีเมียมในปี 2563 เปิดตัวทัพยนตรกรรมใหม่ครบทั้งสามแบรนด์ ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive30d M Sport ใหม่, บีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport ใหม่,มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน,มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GP Inspired Edition, และบีเอ็มดับเบิลยู
R 18 Classic First Editionณ งานแถลงข่าวประจำปี 2564 ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

ในภาพ จากซ้าย คุณปรีชา นินาทเกียรติกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย, มร. กัลดริค ดอนเนอซาน ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย, มร. บียอร์น แอนทอนส์สัน ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย, มร.อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย, มร. มิเกล ญาเบรส-โปห์ล ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และผู้นำเข้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก, คุณประภัสรา อร่ามวงศ์สมุทร ผู้อำนวยการ มินิ ประเทศไทย และคุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย


มร. บียอร์น แอนทอนส์สัน ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย


มร.อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย 


คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

กรุงเทพฯ.บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยต่อยอดความสำเร็จในปี 2563 ด้วยการเปิดตัวทัพยนตรกรรมใหม่ครบทั้งสามแบรนด์หลังสร้างความสำเร็จครั้งสำคัญจากการคว้าตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งในตลาด
ยานยนต์พรีเมียม ทั้งยังเดินหน้ามอบพลังแห่งทางเลือกให้แก่ลูกค้าอย่างไม่หยุดยั้ง สานต่อจากการเปิดตัว
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ใหม่ในเดือนมกราคม ด้วยรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ใหม่หลากหลายรุ่นครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์อเนกประสงค์ SAV สุดหรูไปจนถึงมอเตอร์ไซค์ครูสเซอร์สุดคลาสสิก
ทัพยนตรกรรมใหม่ในปีนี้ นำโดยบีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive30d M Sport ใหม่ ที่สุดแห่งยนตรกรรมหรูในตระกูล SAV ที่นำเข้ามาประกอบในประเทศไทยเป็นครั้งแรก และบีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport ซึ่งเป็น
ครั้งแรกที่บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 Gran Sedan จะนำความสะดวกสบายในห้องโดยสารที่เหนือกว่ามามอบให้กับลูกค้าในไทย ส่วนมินิพร้อมเติมสีสันให้กับตลาดรถยนต์พรีเมียมคอมแพกต์อีกครั้ง กับ มินิ คูเปอร์ เอส
คันทรีแมนที่มาในโฉมใหม่ทั้งในรุ่นเอนทรีและไฮทริมพร้อมด้วยความโฉบเฉี่ยวขั้นสุดกับ มินิ จอห์น
คูเปอร์ เวิร์คส์ GP Inspired Edition ที่นำสมรรถนะจากสนามแข่งของรุ่นจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์เดิม มา
เติมเต็มให้แรงท้าทายทุกสายตาด้วยโฉมใหม่ที่ส่งตรงมาจากรุ่นพิเศษอย่าง มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GP
สำหรับคนรักมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดพร้อมต่อยอดความสำเร็จของมอเตอร์ไซค์ครูสเซอร์
รุ่นแรกเมื่อปีที่ผ่านมา ด้วยการเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู R18 Classic First Edition รถทัวริ่งครูสเซอร์ที่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณแห่งอิสรภาพบนทุกเส้นทางยาวไกล แต่ยังคงความคลาสสิกของ R18 รุ่นเดิมไว้ทุกอณู
มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เผยว่า “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้ดำเนินธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่อนาคตมาโดยตลอดในทุกระดับ และสำหรับปี 2563 ที่ผ่านมา วิสัยทัศน์นี้ก็ได้นำพาเราให้ฟันฝ่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันมากมายมาได้ ไม่ว่าจะด้วยการมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ครบครันมากขึ้นหรือความมุ่งมั่นที่จะเติมเต็มทุกความต้องการในโลกยานยนต์สำหรับทั้งปัจจุบันและอนาคต ด้วยทางเลือกที่หลากหลายจากแนวคิด Power of Choice”
“แน่นอนว่าสำหรับปี 2564 นี้ เรายังคงรุดหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อยอดความสำเร็จในฐานะผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์พรีเมียม ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เร้าใจและสะดุดตายิ่งกว่าเดิม ทั้งยังเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าอย่างทั่วถึงทุกความต้องการ นับตั้งแต่ที่สุดของความหรูหราและความสง่างามในสไตล์สปอร์ต ไปจนถึงความตื่นตาตื่นใจจากสนามแข่งและความเพลิดเพลินจากการดื่มด่ำบรรยากาศของทุกการเดินทาง นอกจากนี้ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าต่อไป เพื่อสานต่อนวัตกรรมมากมายที่เกิดขึ้นจากการปรับตัวรับมือกับสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ให้ครอบคลุมหลากหลายความสนใจของกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยเริ่มต้นจากโครงการ BMW Motorrad Tour Experience เพื่อนำเหล่าไบค์เกอร์ออกสัมผัสความสวยงามจากเหนือจรดใต้ของประเทศไทยในมุมมองใหม่ ๆ ตลอดทั้งปีนี้”

อีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ กับความสำเร็จครั้งสำคัญของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยในปี 2563
ในปีที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สามารถขยายส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มรถยนต์พรีเมียมขึ้นมาที่ 51.2% ด้วยยอดการส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิรวมถึง 12,426 คัน ทำให้บริษัทก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งในเซกเมนต์ดังกล่าวได้สำเร็จ นอกจากนี้ ส่วนแบ่งตลาดพรีเมียมที่เติบโตขึ้นถึง 7.3% ยังนับเป็นสถิติอัตราการเติบโตสูงสุดในเครือข่ายของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั่วโลกอีกด้วย ทั้งนี้ ยอดการส่งมอบรถยนต์ของทั้งสองแบรนด์นับว่าเป็นผลงานที่แข็งแกร่งกว่าภาพรวมของตลาดรถยนต์นั่ง ซึ่งมียอดขายลดลงถึง 31% ส่วนทางบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ยังคงรักษาระดับยอดการส่งมอบไว้ได้ที่ 1,224 คัน ท่ามกลางความท้าทายครั้งประวัติศาสตร์นี้“สถานะผู้นำในเซกเมนต์พรีเมียมของเรา ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความรวดเร็วของเราในการปรับตัวรับมือเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย และความมุ่งมั่นทุ่มเทของเหล่าพันธมิตรในเครือข่ายผู้จำหน่ายของเรา เพื่อตอบสนองต่อทั้งความต้องการของลูกค้าและปัจจัยความเปลี่ยนแปลงจากภายนอก” มร. บารากา เสริม “เมื่อชีวิตประจำวันในหลายด้านต้องหยุดชะงักลงชั่วขณะ เราจึงขยายการทำตลาดผ่านช่องทางดิจิทัลให้กว้างขวางขึ้นจากปีก่อน ๆ โดยรวมไปถึงการสร้างประสบการณ์ดิจิทัลในสองงานใหญ่ประจำปี ทั้งบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์2020 และมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 37 ควบคู่ไปกับการจัดแสดงรถยนต์หน้างานจริงและข้อเสนอที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมายเช่นเคย ส่วนงาน BMW Xpoของเราก็ได้ปรับรูปแบบให้ใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้นด้วยการจัดงานในหลายสถานที่ทั่วกรุงเทพฯ”
การขับเคลื่อนนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั่วโลก ยังคงเดินหน้าต่อไปเช่นเดียวกับในประเทศไทยด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบอย่าง มินิ คูเปอร์ เอสอีในปีที่ผ่านมา พร้อมด้วยรถยนต์ PHEV อีกสี่รุ่นในตระกูลซีรีส์ 3 ซีรีส์ 7 X3 และ X5 ขณะที่เครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ ChargeNow ก็มีจำนวนหัวจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 111 หัวจ่ายใน 67 จุดบริการทั่วประเทศ

ในด้านการผลิต บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถต้านทานแรงกดดันจากสภาพตลาดรถยนต์โดยรวม รวมถึงสถานการณ์ที่พลิกผันในห่วงโซ่อุปทานของชิ้นส่วนต่าง ๆ ด้วยยอดการประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูรวมกว่า32,052 คัน เพิ่มขึ้น 0.3%เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยแบ่งเป็นยอดการประกอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 23,177 คัน ลดลง 10% และยอดประกอบมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดที่ 8,875 คัน เพิ่มขึ้น 43% ในปี 2563 ที่ผ่านมา ในด้านการส่งออกนั้น มีการส่งออกรถยนต์และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู รวม 23,143 คัน เพิ่มขึ้นถึง 24% โดยแบ่งเป็นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูกว่า 15,079 คัน เพิ่มขึ้น 3% และมีการส่งออกมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูมอเตอร์ราด กว่า 8,064 คัน เพิ่มขึ้นถึง 97% นับเป็นสถิติการส่งออกที่สูงที่สุดสำหรับทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูในปีที่ผ่านมาและในปีนี้ การเปิดตัว บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive30d M Sport ใหม่รุ่นประกอบในประเทศ ก็ทำให้โรงงานประกอบยานยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยู ณ จังหวัดระยอง สามารถประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูในประเทศได้ถึง 17 รุ่นโดยรวมถึงรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด 5 รุ่น และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดอีก 9 รุ่น
ทางด้าน บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยสถิติใหม่ในหลายด้านตลอดปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะฉลองครบรอบ 20 ปีของบริษัทในปี 2564 นี้ โดยยอดสินเชื่อใหม่กว่า 16,770 ล้านบาทในปี 2563 นับเป็นสถิติสูงสุดของบริษัท แม้จะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนจากโควิด-19 ด้วยเหตุนี้ ยอดสินเชื่อรวมในพอร์ตของบริษัทจึงทะยานสู่หลัก 50,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติใหม่อีกเช่นกัน ส่วนโปรแกรมทางการเงินอย่าง Freedom Choice ที่มอบทางเลือกและอิสรภาพสูงสุดให้กับลูกค้า มีจำนวนสัญญาเช่าซื้อเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ประสบการณ์และข้อเสนอในช่องทางดิจิทัลของ บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ได้ขยายตัวและเพิ่มความหลากหลายขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งในรูปแบบของบริการค้นหารถยนต์ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ที่สุด (Preference Finder) การสัมผัสรถบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 2 และ ซีรีส์ 3 แบบเสมือนจริงผ่านระบบ Augmented Reality และการร่วมนำเสนอบริการผ่านช่องทางออนไลน์ในงานมอเตอร์โชว์และมอเตอร์เอ็กซ์โป กับบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย

 

ไฮไลท์รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดรุ่นใหม่
บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive30d M Sportใหม่ (รุ่นประกอบในประเทศ)
ราคาจำหน่าย: 5,999,000บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

บีเอ็มดับเบิลยู BMW X7xDrive30d M Sportใหม่รถยนต์หรูในเซกเมนต์รถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ (SAV)เผยโฉมรุ่นประกอบในประเทศเป็นครั้งแรกโดยสมาชิกรุ่นใหญ่ที่สุดในตระกูล X รุ่นนี้ หลอมรวมทั้ง
ความคล่องตัว ทรงพลัง และความโอ่อ่าเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ทั้งยังมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนชั้นเลิศแต่ยังคงไว้ซึ่งความสะดวกสบายด้วยตัวรถที่กว้างขวางในทุกมิติ

บีเอ็มดับเบิลยู BMW X7 xDrive30d M Sport ใหม่ มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ส่งพละกำลังสูงสุด195 กิโลวัตต์ / 265 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตรที่ 2,000 – 2,500 รอบต่อนาที พร้อมโลดแล่นสู่ความเร็วสูงสุดที่227 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์นี้ทำงานสอดประสานกับเกียร์อัตโนมัติ Sport Steptronic8 จังหวะช่วงล่างแบบถุงลมสามารถปรับระดับอัตโนมัติ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDriveจึงมอบความนุ่มสบายเหนือระดับ การควบคุมที่เฉียบคม และความปราดเปรียวอันทรงพลัง ขณะที่ระบบควบคุมช่วงล่าง Executive Drive Proเสริมความมั่นใจด้วยเสถียรภาพที่เหนือกว่าในทุกจังหวะการขับขี่

ดีไซน์ที่สง่างามของบีเอ็มดับเบิลยู BMW X7 xDrive30d M Sport ใหม่ ได้รับการถ่ายทอดผ่านปรัชญา
การออกแบบที่ล้ำสมัยและเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู พร้อมเสริมรูปลักษณ์สปอร์ตทรงพลังด้วย
ชุดแต่ง M Sportขณะที่ระบบไอเสีย M Sport มอบเสียงเครื่องยนต์กังวานสอดประสานกับพละกำลังและความสง่างามของตัวรถและเติมบุคลิกความแรงอย่างลงตัวด้วยเบรกและพวงมาลัยM Sport

รูปลักษณ์ภาพนอกประกาศถึงความทรงพลังบนท้องถนนด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ ขนาบข้างด้วย
ไฟหน้าล้ำสมัยBMW Laserlightเส้นสายการดีไซน์ที่เฉียบคมบนตัวถังขนาดใหญ่สะท้อนถึงความปราดเปรียวเรียบง่ายและบึกบึน มาพร้อมล้ออัลลอยน้ำหนักเบา BMW Individual ลาย Y-spoke แบบสลับสีขนาด 22 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะนั่งแบบสามแถว รวม 7 ที่นั่งทุกที่นั่งสามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า มอบความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารเบาะที่นั่งบุด้วยหนังแท้ Merino
เนื้อละเอียดจาก BMW Individual หรูหราขึ้นไปอีกขั้นด้วยการตกแต่งห้องโดยสารด้วยลายไม้
สีดำเงา’Fineline’ แบบ metal effect มอบความภูมิฐานสง่างาม ตกแต่งภายในด้วยผลึกแก้ว ‘CraftedClarity’พร้อมชุดไฟ Ambient light
ชุดไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร เพดานแบบ Panorama glass roof Sky Lounge ที่เพิ่มความโปร่งอย่างโอ่อ่าเหนือระดับ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 5 โซนและระบบ
ความบันเทิงพร้อมจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลังรุ่น Professional อีกสองจอส่วนห้องเก็บสัมภาระท้ายรถมีปริมาตรความจุ 300 ลิตร และเพิ่มได้สูงสุดถึง 2,120 ลิตร เมื่อพับเบาะแถว 3 และแถว 2 ตามลำดับ ออกแบบมาเพื่อตอบทุกโจทย์การขับขี่

บีเอ็มดับเบิลยู X7 ใหม่ มอบความล้ำสมัยและความปลอดภัยยิ่งกว่าด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ใหม่ล่าสุด
ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติรุ่น Plus(Parking AssistantPlus)ระบบช่วยการขับขี่่ (Driving Assistant)และระบบความบันเทิงและสื่อสารรุ่นล่าสุดอย่างBMW Live Cockpit Professionalพร้อมจอ Control Display ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบ BMW ConnectedDrive และระบบ BMW Intelligent Personal Assistant ซึ่งสามารถควบคุมผ่านระบบสั่งการด้วยเสียงได้อย่างง่ายดาย มอบความสะดวกสบายตามความต้องการของผู้ขับขี่ในทุกเส้นทาง

นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยูยังมุ่งมั่นในการปูรากฐานสู่อนาคตแห่งรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติด้วยฟังก์ชั่นอย่างReversing Assistant ซึ่งจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ขับขี่ขณะถอยจอดหรือถอยออกจากที่แคบอัตโนมัติ เป็นส่วนหนึ่งของระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ Parking Assistant ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถถอยออกจากบริเวณที่มีพื้นที่แคบได้อย่างง่ายดายแม้จะมีมุมมองที่จำกัด โดยฟังก์ชั่นดังกล่าวจะจดจำองศาการเลี้ยวของพวงมาลัยขณะขับเข้าไปยังพื้นที่แคบความเร็วไม่เกิน 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนจะถอยรถออกมาตามเส้นทางเดิมได้เป็นระยะทางสูงสุด 50 เมตร ซึ่งระบบจะสามารถจดจำองศาการเลี้ยวดังกล่าวไว้ได้เป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้ผู้ขับขี่สามารถถอยออกจากที่จอดรถได้แม้จะจอดทิ้งไว้ข้ามคืนหรือเป็นระยะเวลาหลายวัน

บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive30d M Sport ใหม่ มาให้เลือกในห้าสีได้แก่ สีเทาArctic Grey Brilliant Effect
สีดำ Black Sapphire Metallic สีดำ Carbon Black Metallic สีขาว Mineral White Metallic และสีน้ำเงินPhytonic Blue

 

บีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport
ราคาจำหน่าย: 2,899,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 3 หนึ่งในรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในทัพยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูมาสร้างความตื่นตาตื่นใจอีกครั้งด้วยบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 3 Gran Sedan กับครั้งแรกของรุ่นฐานล้อยาวในประเทศไทยด้วยบีเอ็มดับเบิลยู330Li M Sport ใหม่ ที่ยังคงลุคสปอร์ตโฉบเฉี่ยวและสมรรถนะที่เฉียบคมไว้เช่นเคย
แต่เสริมความโอ่อ่าสะดวกสบายยิ่งขึ้นสำหรับผู้โดยสารด้วยฐานล้อที่ยาวขึ้นกว่ารุ่นปกติถึง 110 มิลลิเมตร
ส่งให้ตัวรถมีมิติความยาวรวม 4,819 มิลลิเมตร ความกว้างยังคงเดิมที่ 1,827มิลลิเมตร ขณะที่ความสูงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 1,441 มิลลิเมตรความยาว 110 มิลลิเมตรที่เพิ่มขึ้นบริเวณประตูหลังช่วยให้ผู้โดยสารเบาะหลัง
เข้า-ออกจากรถได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ทั้งยังสบายกว่าขณะเดินทางด้วยพื้นที่ห้องโดยสารแถวหลังที่ยาวขึ้นอีก 43 มิลลิเมตร

ดีไซน์ภายนอกของบีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport ใหม่ ยังคงสื่อถึงความเป็นที่สุดแห่งยนตรกรรม หรือ “Ultimate Driving Machine”ด้วยเอกลักษณ์ดีไซน์ที่ทันสมัย สมรรถนะที่ปราดเปรียว ประสิทธิภาพการขับขี่เหนือระดับ รวมถึงเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ล้ำยุค ซึ่งรวมเป็นเอกลักษณ์แก่นแท้ของบีเอ็มดับเบิลยู และยังมาพร้อมองค์ประกอบเฉพาะตัวที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ขึ้นล้อมรอบด้วยกรอบที่เชื่อมต่อกันเป็นชิ้นเดียวรับกับไฟหน้าLED ทรงเรียวยาวด้านข้างของตัวรถโดดเด่นด้วยกรอบหน้าต่างดีไซน์แบบ Hofmeister Kink อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่ได้รับการออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียวกับ
เสา C-pillar มอบมิติไร้ขอบหรูหรายิ่งขึ้น พร้อมด้วยกรอบไฟท้ายดีไซน์ใหม่ที่เพรียวบางยิ่งขึ้น กับไฟ LED ทรงตัว L และท่อไอเสียแบบคู่ ล้วนเสริมให้ท้ายรถดูกว้างและสปอร์ตกว่าเดิม

บีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport ใหม่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ส่งกำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์ / 258 แรงม้าที่ 5,000 – 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,550 – 4,400 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.2 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติSport Steptronic 8 จังหวะและรองรับระบบ Driving Experience Control ที่มีรูปแบบการขับขี่ให้เลือกทั้งในโหมด COMFORT, SPORT และ ECO PROนอกจากนี้ ตัวรถยังมาพร้อมกับล้ออัลลอยM ขนาด 18 นิ้้วลายDouble-spoke แบบสลับสี สอดรับกับขอบหน้าต่าง ช่องดักอากาศ และซี่บริเวณกระจังหน้าไตคู่สีดำเงาภายในโฉบเฉี่ยวด้วยพวงมาลัย M Sport คอนโซลด้านบนบุด้วยหนัง Sensatecและตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมลาย Tetragon

เพื่อสร้างความอุ่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ บีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sportใหม่ ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยนำเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus) เซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลังกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง และระบบ BMW
Head-up displayพร้อมระบบการเชื่อมต่อเต็มรูปแบบผ่านระบบปฏิบัติการBMW Operating System 7.0
ซึ่งเสริมประสิทธิภาพให้แก่ระบบBMW Intelligent Personal Assistant และ Live Cockpit Professional นอกจากนี้ BMW ConnectedDriveยังมอบทางเลือกมากมายในการเชื่อมต่อและควบคุมระบบในตัวรถ รวมถึงการใช้BMW Gesture Control ระบบสั่งงานด้วยเสียง ปุ่ม iDriveและจอแสดงผล Control Display ขนาด 10.25 นิ้ว

มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน เอนทรี ใหม่
ราคาจำหน่าย: 1,999,000บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม ใหม่
ราคาจำหน่าย: 2,529,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)

ดีไซน์ที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างประณีตอุปกรณ์เสริมและชุดแต่งที่สะดุดตาและเทคโนโลยีระดับนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนการทำงานในทุกส่วนของตัวรถ ส่งให้มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมนใหม่ เหนือชั้นยิ่งกว่าใครในเซกเมนต์พรีเมียมคอมแพกต์แนวคิดในการออกแบบที่ครบเครื่อง พร้อมด้วยพื้นที่ภายในสารพัดประโยชน์สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารรวม5 ที่นั่ง ต่างเป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นรถอเนกประสงค์ตัวจริงที่เปี่ยมด้วยสีสันและความสนุกในสไตล์มินิอยู่เสมอ ไม่ว่าจะโลดแล่นบนท้องถนนในชีวิตประจำวันออกเดินทางสู่จุดหมายไกล หรือลุยผจญภัยบนทุกสภาพพื้นผิว
ดีไซน์ของมินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ใหม่เน้นย้ำเสน่ห์อันแข็งแกร่งของรุ่นรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของมินิ โครงสร้างใหม่ของครอบกันชนที่มาในสีเดียวกับตัวถัง ส่งให้ตัวรถมีรูปลักษณ์ที่หมดจดและหรูหรายิ่งกว่าเคยส่วนกระจังหน้าในดีไซน์ใหม่มาในกรอบทรงหกเหลี่ยมในแบบฉบับมินิล้อมรอบด้วยกรอบโครเมียมบาง
โดดเด่นด้วยลวดลายกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมที่เสริมความโดดเด่นด้วยอักษร Sสีแดงล้อมด้วยขอบโครเมียม ด้านหน้ารถที่ออกแบบใหม่มาพร้อมไฟหน้าLEDในทรงกลมมนและไฟวงแหวนที่ทำหน้าที่เป็นทั้งไฟส่องสว่างระหว่างวันและไฟเลี้ยวในตัวเดียวกันมินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ใหม่ ในชุดแต่งมาตรฐาน
มาพร้อมกับไฟตัดหมอก LEDโดยที่ไฟวงแหวนครึ่งวงบนของไฟตัดหมอกทำหน้าที่เป็นไฟจอด
ส่วนกันชนท้ายดีไซน์ใหม่ มีแผงใต้กันชนที่เสริมให้มินิคูเปอร์ เอส คันทรีแมน ใหม่ ดูทรงพลังและทันสมัยเป็นพิเศษไฟท้ายแนวตั้งในกรอบโครเมียมเสริมความเอ็กซ์คลูซีฟและเอกลักษณ์ตามแบบฉบับแบรนด์สัญชาติอังกฤษ ฟังก์ชั่นไฟหน้าและท้ายทั้งหมดมาพร้อมกับเทคโนโลยี LED คุณภาพสูงเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในขณะที่ไฟท้ายโดดเด่นด้วยดวงไฟในลวดลายของธงยูเนียนแจ็คมินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน
เอนทรี ใหม่มาพร้อมกับล้ออัลลอย 18 นิ้ว ลาย Pair Spoke ในขณะที่มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม
มากับล้อขนาด 18 นิ้ว ลาย Black Pin Spoke
มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร มอบกำลังสูงสุดถึง 141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที ขับขี่สนุกตามสไตล์มินิด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ Steptronic 7 จังหวะ และแบบ Paddle Shift ในรุ่นไฮทริมโดยเครื่องยนต์มาพร้อมกับท่อร่วมไอเสียที่ผสานกับฝาสูบและเทอร์โบชาร์จเจอร์ จึงช่วยให้สามารถลดอุณหภูมิของไอเสียและระบบอัดอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบฉีดตรงในเครื่องยนต์เบนซินตัวนี้ยังสามารถทำงานด้วยแรงดันสูงสุดที่เพิ่มขึ้นจาก 200 เป็น 350บาร์

มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ใหม่ ผสานสมรรถนะที่รองรับการขับขี่หลากหลายรูปแบบเข้ากับการออกแบบห้องโดยสารเพื่อการใช้งานที่หลากหลายไม่แพ้กัน โดยมาพร้อมกับเบาะหลังที่กว้างเต็ม 3 ที่นั่ง นอกจากนี้ เบาะนั่งแถว 2 ยังสามารถปรับพับในแบบ 40 : 20 : 40เพื่อขยายปริมาตรความจุสัมภาระจาก 450 ลิตร เป็นสูงสุดถึง 1,390 ลิตร ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุผิวหน้าในสีดำ Piano Blackโดยในรุ่นไฮทริม ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยเส้นสาย Chrome Line สีเงิน ขณะที่ชุดแต่งMINI Excitement Package และไฟโลโก้MINI ที่ฉายออกจากกระจกมองข้างลงสู่พื้นถนน เติมเต็มความหรูหราให้มินิ คันทรีแมน ใหม่ โดดเด่นยิ่งขึ้น

ระบบแสดงผล MINI Head-Up Display ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากห้องนักบินของเครื่องบินเจ็ทจะแสดงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญ เช่นความเร็วของรถ ให้ผู้ขับขี่เห็นได้โดยไม่บดบังทัศนียภาพบนท้องถนนส่วนหน้าจอสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว บริเวณกลางแผงคอนโซลมาพร้อมกับระบบ MINI Connected ซึ่งเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่พร้อมสนับสนุนผู้ขับขี่บนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นระบบนำทางหรือข้อมูลอื่น ๆ ผ่าน
การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนมอบความสะดวกสบายใน
ทุกการเดินทาง

ทั้งสองรุ่นย่อยของมินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ใหม่ จะเปิดตัวผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อพาเหล่าแฟน ๆ มินิ โลดแล่นไปกับการเดินทางที่เหนือทุกความคาดหมายภายใต้แคมเปญ #MeAndMINI48Hoursที่จะเปิดให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ใหม่ อย่างเต็มที่ ด้วยการยืดระยะเวลา
การทดสอบรถเป็น 48 ชั่วโมง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่ www.mini.co.th

 

มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GP Inspired Edition ใหม่
ราคาจำหน่าย: 3,448,000บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษาMSI Standard)

หลังจากที่ได้เปิดตัวมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GPไปเมื่อปีที่ผ่านมา แฟน ๆ ชาวไทยจะได้พบกับเอกลักษณ์ความแรงเร้าใจสไตล์ GP อีกครั้งในรุ่นมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GP Inspired Editionใหม่ที่มาในจำนวนจำกัดเพียง 19 คันด้วยดีไซน์พิเศษและชุดแต่งที่ออกแบบมาเพื่อสะท้อนความทรงพลังในแบบฉบับมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GPรุ่นดั้งเดิมโดยเฉพาะ
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GP Inspired Editionท้าทายทุกสายตาด้วยดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก
การพัฒนา มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GPโดยตรง จึงสืบทอดเอกลักษณ์ตัวถังสีเทา Racing Grey metallicตัดกับหลังคา สปอยเลอร์ท้ายและฝาครอบกระจกสีเงิน Melting Silver metallicส่วนช่องดักอากาศบนกระโปรงหน้า มือจับประตู และฝาถังน้ำมันในสีดำสร้างความดุดันสุดเร้าใจในสไตล์เดียวกับมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GPเช่นกัน ล้ออัลลอยจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ลายCup Spokeขนาด 18 นิ้ว ประดับด้วยโลโก้ GP บนดุมล้อกรอบไฟหน้าสีดำ Piano Blackพร้อมขอบล้อมบริเวณด้านในไฟหน้าและไฟท้ายสีดำ โลโก้มินิสีดำบนกระโปรงหน้าและกระโปรงท้าย รวมทั้งขอบประตูมาพร้อมตราสัญลักษณ์ GPInspired เน้นย้ำถึงเอกลักษณ์เฉพาะของรุ่นมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GP Inspired Edition
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GP Inspired Edition ใหม่ยังมาพร้อมเบาะที่นั่งสปอร์ตหนังDinamicaสไตล์จอห์น
คูเปอร์ เวิร์คส์ปักตราโลโก้ GPซึ่งปรากฏบนพื้นพรมบริเวณที่นั่งคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าเช่นกัน ตัดกับตะเข็บสีแดงอย่างลงตัว เข้ากับพวงมาลัยหุ้มหนังWalknappaสไตล์จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ มาในดีไซน์สะดุดตาด้วยตะเข็บสีแดงเช่นกันตรงกลางมีชิ้นส่วนเหล็กบ่งบอกตำแหน่ง 12 นาฬิกาซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ผลิตขึ้นด้วย
การพิมพ์แบบสามมิติเช่นเดียวกับแป้นเปลี่ยนเกียร์และฝาครอบกุญแจ
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GP Inspired Edition รับพละกำลังขับเคลื่อนจากขุมพลังเบนซิน 4 สูบเช่นเดียวกับมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แฮทช์ 3 ประตู ควบคู่กับโครงสร้างน้ำหนักเบาและเกียร์อัตโนมัติSteptronic Sport 8 จังหวะ ส่งกำลังสูงสุด 170 กิโลวัตต์ / 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร โลดแล่นจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.1 วินาที สู่ความเร็วสูงสุด 246 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ GP Inspired Edition ทั้ง 19 คันจะเปิดให้จองผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้นทางwww.mini.co.thตั้งแต่วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม 2564เป็นต้นไป
แค่ 60 วินาที ก็เป็นเจ้าของมินิได้ พร้อมของขวัญสุดพิเศษในมหกรรมออนไลน์ MINI Always-on
แฟน ๆ มินิทั่วไทยสามารถเป็นเจ้าของมินิคันใหม่ได้เร็วกว่า ง่ายกว่า และสะดวกกว่าครั้งไหน ๆ ในมหกรรมออนไลน์ MINI Always-on ที่จะเปิดฉากขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ ที่ www.mini.co.thเท่านั้น
ในโอกาสนี้ ลูกค้าที่จองรถมินิทุกรุ่นที่ร่วมรายการ 100 คันแรกผ่านทางเว็บไซต์ www.mini.co.th นอกจากจะได้ออกรถไปโลดแล่นให้จุใจแล้ว ยังจะได้รับชุดของขวัญพิเศษจาก MINI Lifestyle Collection มูลค่าถึง 9,287 บาทอีกด้วย

บีเอ็มดับเบิลยู R18 Classic First Edition ใหม่
ราคาจำหน่าย: 1,250,000 บาท(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

บีเอ็มดับเบิลยู R18 Classic First Editionสมาชิกใหม่ล่าสุดในตระกูลครูสเซอร์ของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด พาเหล่าไบค์เกอร์หวนกลับสู่จุดเริ่มต้นสุดคลาสสิกของมอเตอร์ไซค์ทัวริ่งครูสเซอร์ ด้วยสไตล์ที่โดดเด่นและแตกต่างจากบีเอ็มดับเบิลยูR 18 First Edition ซึ่งเผยโฉมไปเมื่อปีที่ผ่านมาเพื่อสืบทอดแก่นแท้ของมอเตอร์ไซค์ครูสเซอร์อย่างสมบูรณ์แบบ บีเอ็มดับเบิลยู R18 Classic First Edition ใหม่ มาพร้อมกับอุปกรณ์เพิ่มเติมอย่างกระจกบังลมขนาดใหญ่ เบาะผู้โดยสาร กระเป๋าข้าง ไฟหน้า LED เสริมและล้อหน้าขนาด 16 นิ้ว

เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบขนาดใหญ่ยังคงเป็นหัวใจหลักของสุนทรียภาพในการขับขี่ของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด รวมทั้งบีเอ็มดับเบิลยู R18 Classic First Edition ใหม่ด้วยเช่นกัน โดยเครื่องยนต์1,802 ซีซีนี้มอบพละกำลังที่เหนือกว่าด้วยกำลังขับสูงสุด67 กิโลวัตต์/ 91 แรงม้าที่4,750 รอบต่อนาที ส่งแรงบิดสูงสุด 158 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบต่อนาที และส่งแรงบิดมากกว่า 150 นิวตันเมตรตลอดในระหว่าง 2,000 ถึง 4,000 รอบต่อนาทีส่วนระบบช่วงล่างของตัวรถ โดดเด่นด้วยโครงสร้างเหล็กกล้าสองชั้นทั้งยังคง
ความคลาสสิกด้วยการใช้ช่วงล่างแบบเทเลสโคปิกแทนการควบคุมด้วยไฟฟ้า โดยมีคานรับน้ำหนักกลางที่สามารถปรับตั้งค่าความหนืดและการยุบตัวของสปริงได้เพื่อการควบคุมที่เฉียบคมและนุ่มสบายระบบเบรกมาพร้อมดิสก์เบรกคู่ที่ล้อหน้า ดิสก์เบรกเดี่ยวที่ล้อหลัง และคาลิเปอร์เบรกแบบตายตัว 4 ลูกสูบ พร้อมล้อซี่ลวดที่เสริมลุคของบีเอ็มดับเบิลยู R18 Classic First Editionให้คลาสสิกโดดเด่นยิ่งขึ้น

บีเอ็มดับเบิลยู R 18 Classic First Edition ยังพิเศษด้วยโหมดการขับขี่ที่เหนือระดับกว่ารุ่นอื่น ๆ ในเซกเมนต์เดียวกัน มาพร้อม 3 โหมด ได้แก่ “Rain”, “Roll” และ “Rock” ให้เลือกปรับตามความชอบเฉพาะตัว พร้อมเทคโนโลยีด้านการขับขี่ที่ครบครันมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นการเสริมความปลอดภัยด้วยฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิงพร้อมระบบล็อก ระบบควบคุมการทรงตัวแบบอัตโนมัติ (ASC)ระบบป้องกันการลื่นไถลของ
ล้อหลัง (MSR) จากการชะลอตัวหรือลดเกียร์ และระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน (Hill Start Control)ก่อนจะผสานความล้ำสมัยจากยุคปัจจุบันไว้ด้วยเทคโนโลยีเช่นระบบสตาร์ทแบบไร้กุญแจ (Keyless Ride)ระบบเกียร์ถอยหลัง (Reverse Gear) ระบบสัญญาณกันขโมย ระบบป้องกันรถกระชาก (Anti-hopping Clutch) และระบบ Dynamic Brake Control นอกจากนี้ยังพกพาระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ(Electronic cruise control)มาเป็นมาตรฐานอีกด้วย

งานออกแบบของบีเอ็มดับเบิลยู R 18 Classic First Editionเป็นการประสานเอกลักษณ์ความคลาสสิกเข้ากับองค์ประกอบต่าง ๆ ที่สะดุดตา ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างเหล็กกล้าสองชั้น ถังน้ำมันทรงหยดน้ำ เพลาแบบเปิดเปลือย พร้อมเสริมลูกเล่นดีไซน์ด้วยการทำสีแบบลายเส้นบนตัวถังเป็นมาตรฐาน สอดแทรกกลิ่นอายความล้ำสมัยด้วยมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อกทรงกลม พร้อมจอแสดงสถานะการขับขี่ที่ปรากฎให้เห็นเฉพาะเวลาเปิดไฟ
รวมทั้งไฟหน้า Adaptive LED แบบใหม่ พร้อมระบบ Daytime Riding light และ Headlight Pro

ประวัติศาสตร์สุดคลาสสิกของมอเตอร์ไซค์ทัวริ่งยังสะท้อนผ่านชุดแต่งเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะรุ่นของR 18 Classic First Editionไม่ว่าจะเป็นตัวถังในสีดำBlack Storm Metallicตัดกับลายเส้นสีขาวชิ้นส่วนโครเมียม ลูกเล่นป้ายสลัก BMW บนเบาะที่นั่ง และป้ายสลักโครเมียม “First Edition” ข้างตัวถัง

BMW Motorrad Tour Experience เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวทั่วไทยกับโปรแกรม Discoveride

นอกจากการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่แล้ว บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ยังเตรียมนำเหล่า
ไบค์เกอร์ออกท่องโลกกว้าง สัมผัสความสวยงามจากเหนือจรดใต้ของประเทศไทยในมุมมองใหม่ ๆ ด้วยโปรแกรม BMW Motorrad Tour Experienceโดยตลอดทั้งปี 2564 นี้ เจ้าของมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดจะสามารถร่วมทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟมุ่งหน้าสู่สถานที่ท่องเที่ยวสุดตระการตาทั่วไทยไปกับสองล้อคู่ใจและเพื่อนร่วมทริปสายผจญภัยพร้อมประสบการณ์ครั้งพิเศษในการเยี่ยมชมสายการประกอบมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู ณ โรงงานที่ จ.ระยอง

ระหว่างการผจญภัยในทริปDiscoveride ผู้เข้าร่วมจะได้พัฒนาทักษะการขับขี่ทั้งออนโร้ดและออฟโร้ด โดยมีมาร์แชลระดับมืออาชีพที่ได้รับการรับรองจากบีเอ็มดับเบิลยู พร้อมผู้นำเที่ยวคอยดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิดตลอดการเดินทางลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดสามารถเลือกจากทั้งหมด 10 เส้นทาง ซึ่งครอบคลุมระดับการขับขี่เส้นทาง สภาพพื้นผิวและระยะเวลาที่หลากหลาย

ลูกค้าที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BMW Motorrad Tour Experience ได้ที่www.bmw-motorrad.co.thหรือแอดไลน์ @bmwmotorradownersและติดตามกิจกรรมและเรื่องราวที่น่าสนใจจากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ได้ทาง https://www.facebook.com/BMWMotorradTH

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป 
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, โรลส์-รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยมีเครือข่ายการผลิต 31 แห่งใน 15 ประเทศ อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก
ในปี พ.ศ. 2563 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์กว่า 2.3 ล้านคัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 169,000 คันทั่วโลก กำไรก่อนหักภาษีในปีงบประมาณ 2562 อยู่ที่ 7.118 พันล้านยูโร จากรายได้รวม 104.210 พันล้านยูโร โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมด 126,016 คนทั่วโลก
ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นสาขาของ BMW AG ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2541 ประกอบด้วย
สามบริษัท ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยู และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านบริการทางการเงินสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์และลูกค้าบุคคล
ในปี 2563 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งด้วยสถิติส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิจำนวน 12,426 คัน โดยได้ส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรวม 11,242 ลดลง 4.3% จากปีก่อนหน้า ขณะที่มินิมียอดการส่งมอบ 1,184 คัน ลดลงจากปีก่อนหน้าเล็กน้อยที่ 1.7% ด้านบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ยังคงรักษาผลงานที่แข็งแกร่งไว้ได้ ด้วย
ยอดส่งมอบ 1,224 คัน แม้จะต้องประสบกับสถานการณ์โรคระบาดในปี 2563
ในด้านการผลิต โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนู
แฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมานอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู 31 แห่ง ใน 15 ประเทศทั่วโลก
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์รุ่นต่างๆ ทั้งหมด 17 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X1 บีเอ็มดับเบิลยู X3 บีเอ็มดับเบิลยู X5 และบีเอ็มดับเบิลยู X7สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 900 R บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR บีเอ็มดับเบิลยู F750 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R และบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังขยายสายการประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด 5 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู 530e บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive30e บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e และบีเอ็มดับเบิลยู 745Le xDrive
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
1397
www.bmw.co.th
www.mini.co.th
www.bmw-motorrad.co.th
สื่อมวลชนติดต่อ  บริษัท คาร์ลบายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์
สุธาทิพย์ บุญแสง (08-7685-1695 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 102)
ธรธวัช ทองแนบ (08-3225-4567 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 206)
ปวริศา ธนวจีรัณ (08-6564-4726 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 125)
พิชานัน ทูลกำธรชัย (08-5157-7557 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 101)
sboonsaeng@carlbyoir.com, tthongnab@carlbyoir.com, pthanwajeran@carlbyoir.com, ptoonkamthornchai@carlbyoir.com