Skip to content
Honda X-ADV 2025 ปรับขนานใหญ่ ใส่เทคเพิ่ม เติมสีสัน
เปิดตัวกันแล้วที่ยุโรปกับ Honda XADV 2025 ที่ครั้งนี้มีการปรับปรุงขนานใหญ่ ใส่เทคโนโลยีเพิ่ม พร้อมเติมสีสันให้กับทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่อีกด้วย
สำหรับดีไซน์มีการปรับปรุงให้หล่อโดดเด่นจนต้องเหลียวมองยิ่งขึ้น โดยปรับเส้นสายภายนอกให้ดูเฉียบคมขึ้น โดยมีแฟริ่งด้านหน้าที่ดูสมบุกสมบันมากขึ้นจากเส้นสายคม ๆ หลายเหลี่ยมมุมคล้ายกับศิลปะพับกระดาษของญี่ปุ่นที่เรียกว่าโอริกามิ โดยสิ่งที่เด่นที่สุดคือ ไฟหน้า LED ใหม่ที่มาพร้อมไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ใหม่ซึ่งมีไฟเลี้ยวในตัว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในโลกมอเตอร์ไซค์ที่มีระบบไฟแบบนี้ออกมาจากโรงงาน ทั้งยังรักษ์โลกด้วยการใช้ชิ้นส่วนพลาสติก Durabio (วัสดุรีไซเคิล) ทำแฟริ่งบางส่วน
มีการปรับปรุงกลไกการปรับระดับความสูงของชิลด์หน้าใหม่ให้สามารถใช้มือซ้ายเพียงข้างเดียวปรับได้เลย โดยปรับได้ 3 ระดับ โดยระดับต่ำสุดกับระดับสูงสุดจะต่างกันที่ 139 มม. ทำองศาต่างกัน 11 องศา ทั้งยังมีเบาะนั่งที่เพิ่มโฟมยูรีเทนเข้าไปอีก 10% ช่วยให้นั่งได้สบายมากยิ่งขึ้น รวมถึงเหลาทรงเบาะมาใหม่ให้ขาถึงพื้นได้ง่ายมากขึ้น โดยความสูงเบาะอยู่ที่ 820 มม.
นอกจากนี้ยังมีหน้าจอสี TFT 5 นิ้วตัวใหม่ เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Honda RoadSync สามารถควบคุมผ่านสวิตช์ 4 ทิศทางที่มีแบ็กไลท์ในตัวได้อย่างง่ายดาย
ในส่วนของเครื่องยนต์ Honda X-ADV 2025 นั้นยังคงเป็นเครื่องเดิมคือ 2 สูบเรียงระบายความร้อนด้วยน้ำ 57.8 แรงม้าที่ 6,750 รอบต่อนาที 69 นิวตันเมตรที่ 4,750 รอบต่อนาที โดยสามารถวิ่งได้ไกลกว่า 360 กม.ด้วยน้ำมันจากถังขนาด 13.2 ลิตร
ช่วงล่างยังคงเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลง ยังใช้เฟรมสตีลไดมอนด์น้ำหนักเบา มีโช้คหน้าแบบหัวกลับขนาด 41 มม. ด้านหลังจะเป็นโช้คเดี่ยวกับสวิงอาร์มแบบโปรลิงก์ ระบบเบรกด้านหน้าจะเป็นดิสก์เบรกหน้าคู่ขนาด 296 มม. คาลิเปอร์เบรกแบบรเดียลเมาท์ 4 ลูกสูบ ด้านหลังจะเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 240 มม. คาลิเปอร์เบรกแบบลูกสูบเดี่ยว ส่วนล้อจะเป็นล้อแบบซี่ลวดและยางจะมีขนาด 120/70 – R17 และ 160/60 – R15 หน้าหลังตามลำดับ
ส่วนไฮไลท์เรื่องเทคโนโลยีคือมีการเพิ่มระบบครูซคอนโทรลที่ทำงานร่วมกับระบบ DCT ที่ปรับปรุงมาใหม่ให้ทำงานในรอบต่ำได้นุ่มนวลยิ่งขึ้น มีระบบคันเร่งไฟฟ้าพร้อมโหมดการขับขี่ 4 โหมดที่มาให้อยู่ก่อนแล้ว ได้แก่ Standard, Sport, Rain, Gravel ที่ปรับตั้งค่าระบบต่าง ๆ อย่าง กำลังเครื่องยนต์ เอ็นจิ้นเบรก และแทรคชันคอนโทรลที่ปรับปรุงมาใหม่ และโหมด User ที่ปรับแต่งเองได้
ระบบอื่น ๆ ก็จะมีระบบเบรก ABS ระบบไฟเตือนเมื่อเบรกกะทันหัน ESS ระบบไฟเลี้ยวยกเลิกเองอัตโนมัติ ระบบสมาร์ทคีย์ ช่องจ่ายไฟแบบ USB-C ให้ใช้งานในช่องเก็บของใต้เบาะขนาด 22 ลิตร และช่องใส่ถุงมือด้านหน้า
เรื่องการจำหน่ายนั้นยังไงเสียก็มาขายในไทยอย่างแน่นอน ส่วนราคาก็น่าจะแพงขึ้นตามออปชันที่เพิ่มเข้ามา แต่ราคาที่เปิดในยุโรปนั้นก็แพงขึ้นเพียงหลักไม่กี่พันเท่านั้น อย่างไรก็ดี แฟน ๆ ชาวไทยที่ชื่นชอบก็น่าจะได้เห็นโมเดลนี้ในราคาไม่เกิน 430,000 บาท (เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น)
อ่านทดสอบรีวิวรุ่นอื่น ๆ คลิกที่นี่
ติดตามข่าวสารทางแฟนเพจได้ที่นี่
